ใช้การตลาด Forex โดยมีเงินค่องข้างน้อย ทำอย่างไรดี
นักเทรดมือใหม่หลายคน คงจะมีคำถามสำคัญคือ เราใช้การตลาดForex โดยมีเงินค่องข้างน้อยได้อย่างไร แล้วสามารถทำได้ทำไม
ในเบื้องต้นเมื่อตลาดดังกล่าวยังกำลังพัฒนาอยู่ ผู้เข้าใช้การเป็นสถาบันใหญ่ๆเท่านั้นที่มีเงินทุนหลายล้าน เรื่องนี้เองทำให้นักลงทุนเอกชนไม่สามารถใช้การได้ แต่ในเวลาต่อมาเทคโนโลยีการสื่อสาร โดยเฉพาะเครือข่ายอินเทอร์เน็ต พัฒนายิ่งขึ้นแล้วทำให้ภาวะดังกล่าวเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ก็เลยบุคคลทั่วไปที่มีเงินทุนบ้างเพื่อดำเนินการค้าในตลาดสามารถเข้าใช้การได้ เพราะได้พัฒนาหลักการดำเนินการค้ากับมาร์จินขึ้นแล้วนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย หลักการดังกล่าวได้เปิดทางเข้าใช้การตลาด Forex ให้เกือบทุกคน แม้แต่มีเงินทุนพร้อมลงในการค้าน้อยๆ
หลักการดำเนินการค้ากับมาร์จินนั้น เป็นหลักการหนึ่งที่ให้ลูกค้าใช้เงินสินเชื่อเพื่อทำรายการค้าโดยอัตโนมัติ เงินสินเชื่อดังกล่าวเรียกกันว่า Leverage ออกให้โดยตัวกลาง (ศูนย์ดิลลิงหรือธนาคาร) ที่นำลูกค้านั้นสู่ตลาดForex โดยให้ใช้แพลตฟอร์มการค้าพร้อมทุกสิ่งที่จำเป็นในการทำรายการค้า ลูกค้าจะต้องวางหลักประการที่อาจจะเป็นจำนวนเงินไม่ค่อยมาก(เริ่มต้นสองสามดอลลาร) ในเวลาต่อไปตัวกลางนั้นจะออกเงินสินเชื่อให้ลูกค้าโดยอัตโนมัติ เป็นจำนวนเงินหลักประการ 30-200 เท่าเช่นถ้าวางเงินหลักประการ 50 ดอลลาร แล้วมีค่า Leverage หนึ่งต่อร้อย(1:100) ลูกค้าจะสามารถทำรายการค้าได้เป็นหาพันดอลลาร
ตามนโยบายบริษัทเราให้ลูกค้าทุกรายเลือกอัตราสินเชื่อ (ค่าLeverage) เอง โดยค่าLeverage มากสุดที่สามารถเลือกได้เป็น 1:500 ท่านจะสามารถแก้ไขค่าดังกล่าวในระหว่างการใช้การได้เลย โดยเลือกมีความเสี่ยงน้อยหรือมากแต่ละกรณี ในสุดท้ายความเสี่ยงของ นักเทรดจำกัดเป็นจำนวนเงินหลักประการเท่านั้น โดยเราในฐานะตัวกลางทางการเงินไม่ได้ออกเงินเต็มจำนวนในรายการที่เปิดกับค่า Leverage เราแค่รับรองที่จะดำเนินการปรับยอดเงินคงเหลือในบัญชีตามจำนวนเงินขาดทุนหรือเงินกำไรที่มีในขณะปิดรายการกล่าวคือ อย่างไรก็ตามนักเทรดภาวะที่นักเทรดเป็นนี้ต่อบริษัท ไม่สาทารถจะเกิดขึ้นได้ โดยจำนวนเงินขาดทุนจะไม่เกินจำนวนเงินหลักประการ
เราจะเอาคู่เงินตราสุดนิยมคือEUR/USD เป็นตัวอย่างแสดงให้ท่านเห็น นักเทรดจะสามารถทำรายการค้าประเภทอะไรบ้าง และจะสร้างกำไรอย่างไร
อัตราแลกเปลี่ยน 1.5000 สำหรับคู่เงินตราEUR/USD จะหมายความว่า 1 EUR มีมูลค่า1.5000 USD ถ้าต้องการซื้อหนึ่งร้อยยุโร ก็ต้องจ่าย 150 ดอลลาร มูลค้าเงินตราหลัก (ยุโรในตัวอย่างของเรา) เป็นเงินดอลลาร์เรียกกันว่าอัตราราคาตรง โดยเงินตราหลักอยู่ข้างหน้าในสูตร แล้วในทางกลับกัน อัตราราคาแบบกลับ คืออัตราราคาที่มีเงินดอลลาร์เป็นเงินตราหลักที่มีมูลค่าเป็นเงินตราอื่นเฉพาะอัตราราคาแบบตรง EUR/USD อัตราราคาแบบกลับจะเป็นUSD/EUR คำนวณอัตราราคาแบบกลับได้ง่ายๆ โดยใช้สูตร 1/(อัตราราคาแบบตรง) ซึ่งจะเป็น 1/1.5000 = 0.6666 กล่าวคือ ถ้าอยากซื้อ 100 ดอลลาร์ จะต้องจ่าย 66.66 ยุโร
ข้อแตกต่างอันสำคัญระหว่างตลาด Forex กับตลาดสินค้าคือ สามารถทำรายการค้าได้ ที่ค่อนข้างหน้าสนใจ โดยไม่ใช่ซื้อก่อนแล้วขายต่อ แต่จะทำในทางกลับกัน ขายก่อนแล้วซื้อกลับในภายหน้า ถ้าใช้การอัตราราคาแบบตรงกับอัตราราคาแบบกลับที่เรากล่าวถึงข้างต้นนี้ วิธีดำเนินกการค้านั้นอาจจะเข้าใจง่าย โดยรายการขายEUR/USD (ใช้อัตราราคาแบบตรง) ไม่ต่างกันจากรายการซื้อ USD/EUR (อัตราราคาแบบกลับ) แต่ประการใด ทุกรายการในตลาด Forex มีสองขั้นตอนคือ การเปิดรายการ/การปิดรายการ (ซื้อแล้วขาย หรือ ขายแล้วซื้อ) ทำแบบไหนก่อนไม่สำคัญเลย เพราะรายการขาย => ซื้อ สามารถเข้าใจได้เป็นรายการซื้อแล้วขาย เพียงแค่นำอัตราราคาตรงข้ามมาใช้ตามคำศัพท์เฉพาะทางตลาดเงินตรา การซื้อเรียกกันว่า Buy แล้วการขายเรียกกันว่าSell เพราะฉะนั้นรายการสองประเภทที่นักเทรดสามารถทำได้คือBuy=>SellกับSell=>Buy
นอกจากอัตราราคาแบบตรงและอัตราราคาแบบกลับ (ที่มีเงินดอลลารเป็นเงินตราหนึ่งในสูตร) นักเทรด Forexใช้อัตราแลกเปลี่ยนต่างสกุลเงิน (โดยไม่มีเงินดอลลาร์ในสูตรเลย) ที่ได้มาจากอัตราแลกเปลี่ยนต่อสกุลเงินตราที่สาม ตัวอย่างของอัตราแลกเปลี่ยนต่างสกุลเงินคือ EUR/JPY ที่ได้มาจากอัตราแลกเปลี่ยน EUR/USD กับ USD/JPY โดยเห็นว่าสกุลเงินตราที่สามเป็นดอลลารสหรัฐอเมรีกา แล้วสูตรคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนต่างสกุลเงินจะเป็นEUR/JPY = EUR/USD x USD/JPY
บัญชีการค้า
บัญชีการค้าจริง โดยมีล็อตมาตรฐานและสามารถปรับวงเงินต่ำสุดได้
บัญชีทดลอง
ุถ้าคุณยังไม่พร้อมที่จะดำเนินการค้าจริง หรือยังมีกลยุทธ์ใดๆ ที่คุณไม่เคยลองใช้ เราขอแนะนำให้คุณเปิดบัญชีทดลอง เพื่อฝึกฝนการเทรดของคุณ